ก๊วนชวนอ่าน...นิทาน 5 เรื่องเอก (คลาสสิก) ของโลก
เขียนโดย แม่จา
เสาร์, 12 กรกฎาคม 2008
ทำไมต้องอ่าน ?นิทานคลาสสิก? ให้เด็กฟัง
เป็นประเด็นที่ครูชีวัน วิสาสะ พูดในงานเปิดตัว ?นำหนังสือดีสู่เด็กไทย...นิทาน 5 เรื่องเอกของโลก?
ครูชีวัน กล่าวว่า การอ่านหนังสือคลาสสิก เปรียบเหมือนการเดินขึ้นภูเขาสูง ที่ระหว่างการเดินทางก็มีสิ่งรื่นรมย์ สวยงามให้ดู จึงทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยที่จะเดินไปถึงยอดเขา และเมื่อถึงยอดเขาสูงเด็กๆก็จะได้เห็นโลกทัศน์ที่กว้างไกล การอ่านหนังสือธรรมดาก็อาจจะได้เดินขึ้นเขาสูงเหมือนกันแต่อาจจะเป็นภูเขาหัวโล้นที่ไม่จรรโลงใจระหว่างการเดินทาง หรือเป็นอาจจะภูเขาเตี้ยๆ ที่ไม่ได้ให้แง่คิดเปิดมุมมองอะไรให้กับเด็กๆเพียงแค่อ่านแล้วก็จบไปเท่านั้นเอง ?
โครงการ ?นำหนังสือดีสู่เด็กไทย? เกิดจากความร่วมมือของมูลนิธิซิเมนต์ไทย และ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด จัดทำหนังสือภาพอมตะของโลก โดยนักแปลฝีมือระดับคุณภาพของเมืองไทย 5 ท่าน เพื่อให้เด็กไทยมีโอกาสอ่านหนังสือดีที่เด็กทั่วโลกได้อ่าน และสร้างแรงบันดาลใจแก่นักเขียนหนังสือเด็กในเมืองไทย พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือให้แพร่หลาย
คุณสุรนุช ธงศิลา กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิซิเมนต์ไทย กล่าวว่า ?มูลนิธิซิเมนต์ไทยดำเนินโครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้วยหนังสือมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ?นำหนังสือดีสู่เด็กไทย? เป็นหนึ่งในโครงการดังกล่าว ซึ่งมูลนิธิฯได้บรรจงคัดสรรหนังสืออมตะ 5 เรื่อง ที่ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการด้านการศึกษา นักสร้างสรรค์หนังสือเด็กทั่วโลกว่ามีความดีในด้านสาระและมีความงดงามทางศิลปะ สามารถทำให้เด็กรุ่นต่อรุ่นเกิดความประทับใจมาจัดทำเป็นภาษาไทย ด้วยความตั้งใจให้หนังสืออมตะ 5 เล่มนี้ จุดประกายให้ผู้ปกครองได้สัมผัสถึงวิธีการใช้หนังสือภาพกับเด็กและเห็นผลลัพธ์ จาก ?พลังของหนังสือ? ที่น่ามหัศจรรย์ โดยจำหน่ายในราคาพิเศษ นอกจากนั้นมูลนิธิฯ ยังหวังว่าหนังสือชุดดังกล่าวยังจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานหนังสือเด็กโดยคนไทยให้ทัดเทียมในระดับสากล?
หนังสือที่เปิดตัวในงานนี้มีทั้งหมด 5 เล่ม ซึ่งในวันเปิดตัวนี้ ( 8 ก.ค. 51) หนังสือจัดพิมพ์เสร็จ 4 เล่ม อีกหนึ่งเล่มกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต ครอบครัวแม่จาเมื่อได้รับหนังสือชุดนี้ก็นำมาอ่านให้นีร (ลูกสาววัย 5 ย่าง 10 เดือน)และภาม (ลูกชายวัย 3 ขวบ 8 เดือน) ฟังหลังทานอาหารเย็นเสร็จ ภามเลือก ?คอร์ดูรอย? และ ?มีหมวกมาขายจ้า? ส่วนนีร เลือก ?เดินเล่นในป่า? และ ?แมวล้านตัว? ก่อนจะอ่านให้ลูกฟังก็ไม่แน่ใจว่าลูกจะชอบและนั่งฟังจนจบรึเปล่าเพราะ ?แมวล้านตัว? และ ?เดินเล่นในป่า? เป็นหนังสือภาพขาวดำ ปรากฎว่าลูกๆทั้งสองคนนั่งฟังสลับเล่มที่พี่และน้องเลือกกันรวดเดียวจบสี่เล่ม พออ่านจบภามเดินไปหยิบนมดื่มนอนหลับสบายใจ ส่วนนีรนั่งคุยต่อกับแม่ว่า หนูชอบทุกเล่มแต่ เรื่องแมวล้านตัว หนูชอบที่สุด แมวล้านตัวไม่ได้เป็นเล่มโปรดแค่ของลูกเท่านั้นแต่ยังเป็นเล่มโปรดของพ่อไก่ และแม่จาด้วย พ่อไก่บอกว่าภาพสวยมากๆ และเนื้อเรื่องก็มีแง่คิดที่ลึกซึ้ง
แมวล้านตัว (Million of cats)
เรื่องและภาพโดย แวนดา ก๊อก/ แปลโดย ชีวัน วิสาสะ
ราคา 40 บาท
?แมวล้านตัว? ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่ พ.ศ. 2498 และยังคงได้รับการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องถึงทุกวันนี้ นับว่าเป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กที่มีอายุยืนที่สุดของอเมริกาที่ยังมีการตีพิมพ์อยู่ในปัจจุบัน ภาพต้นฉบับใช้หมึกดำสีเดียว ลายเส้นประณีตและงดงามมาก แมวล้านตัวได้รับการตีความมากมาย ทั้งทางปรัชญา ศาสนา การใช้ชีวิต ความโลภ เสียดสีเหน็บแนม ความเห็นแก่ตัว และความไร้เดียงสาของมนุษย์ รวมถึงนิยามความเป็นมนุษย์และความงามอันหลากหลาย
ครูชีวันเขียนด้วยลายมือ ในหนังสือไว้ว่า ?แมวล้านตัว? เป็นหนังสือภาพเล่มแรกๆที่ฉุดข้าพเจ้าเข้าสู่โลกหนังสือเด็ก เมื่อได้รับโอกาสให้แปล Millions of cats จึงเป็นการกลั่นความรู้สึก
...แปล ด้วยความเพียร
...เขียนลายมือ ด้วยหัวใจ
คารวะ ต่อหนังสือเด็กที่ยิ่งใหญ่
ของ แวนดา ก็อก
เดินเล่นในป่า ( In the forest)
เรื่องและภาพโดย มารี ฮอลล์ เอ็ตส์/ แปลโดย อริยา ไพฑูรย์
ราคา 40 บาท
มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นตามสไตล์ของ มารี ฮอลล์ เอ็ตส์ คือการใช้ดินสอเพื่อให้ได้ภาพที่ดูอบอุ่นและอ่อนโยน หนังสือของเธอทำให้ผู้ใหญ่จำนวนมากที่เคยเชื่อว่าหนังสือเด็กจะต้องมีสีสันมากมายนั้นต้องเปลี่ยนความคิดไป เพราะหลายเล่มได้รับการพิสูจน์แล้วว่า หนังสือสำหรับเด็กนั้นไม่จำเป็นต้องมีสีสันสดเจิดจ้าเสมอไป ถ้าหนังสือเล่มนั้นสามารถสื่อสารกับเด็กๆได้ด้วยเรื่องและภาพที่ดี
อริยา ไพฑูรย์ ผู้แปลหนังสือเล่มนี้ เขียนข้อความไว้ที่ปกหน้าด้านในของหนังสือว่า
เดินเล่นในป่า...เด็กๆมีโลกจินตนาการของตัวเอง เป็นโลกส่วนตัวที่บางครั้งผู้ใหญ่ก็เข้าไปไม่ถึง แต่จะเข้าถึงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ความเข้าใจต่างหากที่จะนำเด็กออกมาสู่โลกแห่งความจริงได้ เพราะเด็กรู้ว่า เขาจะเข้าไปในโลกจินตนาการของตัวเองเมื่อไรก็ได้ จะออกมาเมื่อไรก็ได้ และทั้งสองโลก ต่างมีคุณค่าและสำคัญต่อชีวิตของคนเราเท่าเทียมกัน
คอร์ดูรอย (Corduroy)
เรื่องและภาพโดย ดอน ฟรีแมน/ แปลโดย อัจฉรา ประดิษฐ์
ราคา 50 บาท
ส่วนหนึ่งของบทความที่ผู้แปล เขียนถึงคอร์ดูรอย
?ตอนที่อ่านคอร์ดูรอยครั้งแรก ดิฉันนึกถึงตุ๊กตาหมีตัวโตตัวหนึ่งที่เคยอยากได้ในวัยเด็ก แต่ไม่ได้มันมา เพราะแม่บอกว่าราคาแพงเกินไป ดิฉันคิดว่าเจ้าตุ๊กตาหมีตัวนั้นคงอยากให้มีคนรักมัน กอดมัน ในยามที่แปล คอร์ดูรอย ดิฉันย้อนนึกถึงตุ๊กตาหมีตัวนั้นและความรู้สึกเสียดายและเสียใจของตัวเอง ทำให้เข้าใจตัวละครทุกตัวในเรื่อง ทั้งความอยากเป็นที่รัก อยากมีคนมารักของตุ๊กตา ความอยากรักอยากเป็นเจ้าของสิ่งที่ถูกใจของหนูน้อยลิซ่าและข้อจำกัดจากสภาพเศรษฐกิจของแม่เธอที่ทำให้ต้องตัดใจไม่ซื้อคอร์ดูรอย แต่คอร์ดูรอย ลิซ่า และคุณแม่ล้วนโชคดีที่ความปรารถนาได้รับการตอบสนอง?
คอร์ดูรอย พิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2511 ด้วยเทคนิคภาพพิมพ์แกะไม้ (wood cut) และลงสีน้ำ ทำให้ภาพดูเคลื่อนไหว มีอารมณ์ และน่าตื่นเต้น กระทั่งได้รับการกล่าวอย่างชื่นชมว่า ไม่มีใครแกะไม้ให้ตัวละครมีหน้าตาเกลี้ยงเกลาและแสดงอารมณ์ได้มากเท่าภาพตัวละครในหนังสือเล่มนี้
มีหมวกมาขายจ้า (Caps for sale)
เรื่องและภาพโดย แอสไฟร์ สโบบ็อคกินา/ แปลโดย ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์
ราคา 70 บาท
มีหมวกมาขายจ้า เป็นนิทานเก่าแก่ของอินเดีย ถูกนำมาทำเป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กครั้งแรกเมื่อเกือบ 70 ปีมาแล้ว และยังคงติดอันดับขายดีจนถึงปัจจุบัน แอสไฟร์ สโลบ็อดกินา เป็นศิลปินนักออกแบบสามารถทำภาพประกอบได้อย่างมีชีวิตชีวา และมีอารมณ์ขัน การออกแบบฉากและตัวละครให้ดูใกล้ชิดกับเด็กๆ นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าถึงพ่อค้าขายหมวกที่เดินขายหมวกไปตามถนน พอเหนื่อยจึงนั่งพักงีบหลับที่ใต้ต้นไม้ ระหว่างนั้นฝูงลิงก็มาขโมยหมวกหนีขึ้นไปบนต้นไม้ ไม่ว่าพ่อค้าจะขอคืนด้วยวิธีใด ฝูงลิงก็เอาแต่ล้อเลียนท่าทางของเขา จึงต้องตามดูตอนจบเรื่องว่า ในที่สุดพ่อค้าได้หมวกคืนหรือไม่
เมล็ดแคร็อท (The Carrot Seed)
เรื่องและภาพโดย รัธ เคิร์ส และ คร็อคเก็ท จอห์นสัน
แปลโดย งามพรรณ เวชชาชีวะ
กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการจัดพิมพ์ ( 8 ก.ค. 51)
เมล็ดแคร็อท เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เล่าเรื่องง่ายๆ ใช้คำเพียง 101 คำ แต่มีความลึกซึ้ง เนื้อหาของเรื่องทำให้เด็กๆ สามารถเข้าใจคำว่า ?อดทน รอได้? เป็นอย่างดี Maurice Sandak เจ้าของเรื่องดินแดนแห่งเจ้าตัวร้าย ยกย่องหนังสือเล่มนี้เอาไว้ว่า ?หนังสือภาพเล่มนี้สมบูรณ์แบบจนเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษของหนังสือภาพทุกเล่มในสหรัฐอเมริกาก็ว่าได้ มันคือการปฎิวัติเล็กๆ ของหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของการพิมพ์หนังสือภาพสำหรับเด็กไปตลอดกาล?
สุดท้าย ท้ายสุด
เห็นนั่งยิ้มแป้นอยู่คือน้าแต้วของเด็กๆ (ระพีพรรณ พัฒนาเวช) บรรณาธิการ หนังสือทุกเล่มในโครงการนี้ ผู้เคยมีความฝันว่าสักวันอยากให้บ้านเราได้ทำหนังสือคลาสสิกของโลกให้เด็กๆได้อ่าน ให้คนทำหนังสือภาพสำหรับเด็กได้เกิดแรงบันดาลใจทำงานดีๆ และวันนี้ความฝันของน้าแต้วก็เป็นจริงแล้ว...
.....คุณพ่อคุณแม่ พร้อมจะหาหนังสือดีๆ ให้เด็กๆได้ฟัง ได้อ่านหรือยังคะ
ป.ล. ข้อมูลที่เขียนในบทความนี้มาจากการเสวนาในวันเปิดตัว บางส่วนคัดลอกจากการวิเคราะห์หนังสือในหนังสือคลาสิกที่แปลแต่ละเล่ม บางส่วนเป็นการเขียนเพิ่มจากแม่จา ส่วนภาพหนังสือ The carrot seed คัดลอกมาจาก
www.amazon.com
Comments
(2) |
Add as favourites
(629) |
Quote this article on your site
[ ย้อนกลับ]