หน้า 1 จาก 2 นี่ไงรถอีแต๋นมหาสนุก น้าคะ น้าคะ ต้องขึ้นรถอีแต๋นคันนี้นะคะ สนุกสุดๆเลยยิ่งตอนคุณลุงขับซิ่ง โอ้โหอย่างงี้เลย (ชูนิ้วโป้งให้ 2 มือ) น้องส้มเด็กหญิง 6 ขวบพูดเชื้อเชิญขณะก้าวลงจากรถอีแต๋นด้วยน้ำเสียงที่สนุกตื่นเต้น สายๆวันอาทิตย์น้องนีรและน้องภามเล่นกันอยู่ที่บ้านส่งเสียงเจี้ยวจ้าวจนพ่อกับแม่เวียนหัว อยู่บ้านท่าจะศึกหนักเราเก็บสัมภาระใส่เป้ไปเที่ยวกันดีกว่า เด็กๆดีใจกันใหญ่ คุณแม่อ่านข้อมูลท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์จากนิตยสารและหนังสือท่องเที่ยวดูน่าสนใจดีอยู่ก็ไม่ไกลเอาล่ะลุยกันเลย
ภาพคลองสวัสดิ์น้ำใสแจ๋ว
คลองมหาสวัสดิ์อยู่ในเขตอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ภูมิประเทศเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างเต็มไปด้วยเรือกสวนไร่นา มีชุมชนริมน้ำเก่าแก่อายุเกือบ 150 ปี ลำคลองนี้ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อปีพ.ศ. 2400 เชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและท่าจีนใช้เพื่อการขนส่งสินค้าเกษตร ปัจจุบันคลองสายนี้ยังหล่อเลี้ยงชุมชนเพื่อทำการเกษตรและใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน
แล้วนี่ก็นกปากห่างบินเต็มท้องฟ้าเหนือนาข้าว เส้นทางท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ริมคลองใกล้ลานจอดรถวัดสุวรรณาราม ชาวบ้านที่นี่อัธยาศัยดีเป็นกันเอง การล่องเรือเป็นเรือหางยาวมีหลังคานั่งได้ 6 คน (มีเสื้อชูชีพด้วย ท่าน้ำขึ้นลงเล็กๆแต่ปลอดภัย) จุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรมีอยู่ 4 ท่า สิ่งที่ประทับใจก้าวแรกที่ลงเรือคือความสะอาดของลำคลอง สีเขียวตองอ่อนใสชนิดเห็นปลาเข็มปากแหลมว่ายอยู่ข้างๆเรือเต็มไปหมด เราล่องเรือไปจุดแรกเป็นสวนกล้วยไม้เนื้อที่ 12 ไร่ ของนายชุบ คชเวช ลุงชุบเป็น นักคิดค้นผสมพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายสายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า “ทัศนีย์” ตามชื่อลูกสาว ลักษณะเด่นของกล้วยไม้ที่นี่คือช่อและดอกจะใหญ่ สีม่วงสดใสสีแวววาว เป็นกล้วยไม้ที่ปลูกเพื่อการส่งออก ชมความงามกล้วยไม้แล้วเราก็ลงเรือต่อไปท่าเรือจุดที่สองเป็นสวนผลไม้และนาข้าวบนเนื้อที่ 40 ไร่ ของนายบุญเลิศ เศรษฐอำนวย พอเดินเข้าสวนมาปุ๊บก็ได้รับการต้อนรับด้วยผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และขนมหวาน ที่แสนอร่อย สวนผลไม้ที่นี่เป็นสวนแบบผสมผสานปลูกผลไม้หลายชนิดสลับกันออกผลตลอดปี ส้มโอพันธุ์ขาวทองดี และขาวน้ำผึ้ง เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ น้องนีรและน้องภามกระดี๊กระด๊ามากเวลาได้หยิบผลไม้แสนหวานเข้าปาก ระหว่างที่เรากำลังเอร็ดอร่อยกับผลไม้ก็มีรถอีแต๋นเข้ามาจอดที่ชานบ้านพร้อมเสียงของเด็กหญิงที่กำลังลงจากรถอีแต๋นกับพ่อแม่ เอ่ยปากชวนว่า... “น้าคะ น้าคะ ต้องขึ้นรถอีแต๋นคันนี้นะคะ สนุกสุดๆเลยยิ่งตอนคุณลุงขับซิ่ง โอ้โหอย่างงี้เลย (ชูนิ้วโป้ง2 มือ)” น้องส้มเด็กหญิง 6 ขวบพูดเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงที่สนุกตื่นเต้นและใบหน้าที่มีความสุข น้องนีรได้ยินพี่พูดก็ไม่รอช้ารีบจูงน้องภามไปขึ้นรถชมสวนผลไม้ทันควัน แค่รถออกเลี้ยวโค้งเข้าสวนก็ออกอาการมันแล้ว ท่าที่คุณลุงจับคันบังคับพร้อมโยกสุดตัวทำมุม 120 องศากับหัวรถก็ได้อารมณ์แล้ว (เราคิดว่าตัวคุณลุงจะหลุดจากที่นั่งซะแล้ว) ผ่านโค้งแรกรถอีแต๋นก็แล่นไปอย่างนุ่มๆสบายๆผ่านต้นส้มโอที่มีผลห้อยโตงเตงเต็มต้น เลยไปหน่อยเป็นต้นกระท้อนลูกยังไม่สุกต้องรอประมาณเดือนพฤษภาคม ส่วนมะปรางเพิ่งตัดผลขายเดือนมีนาคม เลยไปอีกหน่อยเป็นต้นขนุน มะพร้าว มะกอก กล้วย
ที่ดินที่นี่แบ่งเป็นสองส่วนส่วนหน้าเป็นสวนผลไม้ ส่วนหลังเป็นนาข้าว ชาวบ้านจะหว่านข้าวปลายเดือนเมษายนหลังจากนั้นสักสองสามอาทิตย์ก็จะเขียว โอ้โห! นกเต็มท้องฟ้าเลยน้องนีรส่งเสียงบอก คุณลุงบอกว่านี่เป็นนกปากห่างซึ่งเป็นนกที่ช่วยชาวนามากเพราะจะกินหอยเชอร์รี่เป็นอาหาร (หอยเชอร์รี่เป็นศัตรูของชาวนาเพราะจะกินต้นข้าวเสียหาย) นกปากห่างอาศัยอยู่แถวบริเวณนี้มานานนม ได้เวลาระทึกอีกแล้วถึงหัวโค้งที่รถอีแต๋นจะเลี้ยวคุณลุงยืดสุดตัวหักคันบังคับในมุมแคบๆผ่านพ้นไปอย่างช่ำชอง แล้วอีแต๋นก็เริ่มซิ่งพาพวกเรานั่งกระตุกๆย้อนกลับอีกด้านหนึ่งของสวน(สนุก) กลับมาถึงชานบ้านแล้วเด็กๆยังไม่อยากลงขอถ่ายรูปกับอีแต๋นสักหน่อย ที่ริมชานบ้านมีต้นชมพู่กำลังออกลูกดกเต็มต้น แล้วก็มีรังผึ้งหลวงใหญ่เป็นฟุตแขวนอยู่ให้เด็กๆได้ชม เราเลือกซื้อผลไม้และขนมที่วางเรียงอยู่บนเรือไม้ตะเคียนลำใหญ่ยาวเป็นสิบเมตรเรือลำนี้อายุราวร้อยกว่าปี
นาบัวกว่ายี่สิบไร่
ไม่คิดว่าชมสวนผลไม้จะสนุกระทึกใจอย่างนี้ เราลงเรือไปต่อจุดที่ 3 เป็นนาบัวเนื้อที่ 20 ไร่ของนายแจ่ม สวัสดิ์โต เดินผ่านหน้าบ้านเป็นทางเดินเล็กๆเข้านาบัวพันธุ์ฉัตรขาว(ดอกบัวไหว้พระ) โอ้โห! กว้างสบายตาจังมีศาลากลางสระบัวอยู่ด้วย 2 หลัง หลังเก่าเป็นศาลาเล็กๆ ส่วนหลังใหม่เป็นศาลากว้างใหญ่จุคนได้เป็นร้อย แค่เห็นนาบัวก็ชื่นใจแล้ว น้องนีรตาดีเห็นอาหารปลาวางอยู่ในถาดก็ทำตัวเป็นนกรู้ว่าที่นี่ต้องมีปลาเยอะแน่ ว่าแล้วก็ขออนุญาตซื้ออาหารเลี้ยงปลา นั่งบนพื้นศาลาไม้โยนอาหารให้ปลาได้บรรยากาศจริงๆยิ่งพออาหารปลาตกลงน้ำยิ่งได้อารมณ์ ปลาตะเพียนว่ายเบียดเสียดกันมากินอาหารมีปลาในสีส้มหลงมาด้วย รอบนี้เค้าปล่อยปลาตะเพียนลงบ่อบัวแปดพันกว่าตัว คงนึกภาพออกเวลาที่เด็กๆให้อาหารปลาแล้วมีปลามาแย่งอาหารกันกินเด็กๆจะมีความสุขขนาดไหน ให้อาหารปลาเสร็จเราก็ลงเรือพาย(ปัจจุบันเปลี่ยนจากเรือไม้เป็นเรือสแตนเลสเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้เรื่องการยาเรือทุกๆปี) คราวนี้เด็กๆได้เอามือลาน้ำ เอื้อมจับดอกบัวและฝักบัวในนากันอย่างสนุกสนาน น้องนีรถามว่าทำไมน้ำถึงกลิ้งบนใบบัวได้คะ พายครบรอบขึ้นศาลาดื่มน้ำเย็นชื่นใจ แล้วเซนต์สมุดเยี่ยม น้องนีรขอเขียนเอง (ยังเขียนไม่เป็นค่ะอายุแค่สามขวบครึ่ง) ก็เลยวาดรูปแทน น้องนีรนอนบนศาลาไม้วาดรูปดอกบัวมีใบบัวกลมๆ และมีปลาตะเพียนว่ายน้ำไปมา
มีปลาตะเพียนเลี้ยงรอบนี้กว่าแปดพันตัว ท่าสุดท้ายมาชมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ไข่เค็มไอโอดีน ข้าวตัง ผลไม้อบแห้งของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ นางปราณี สวัสดิ์แดงประธานกลุ่ม ขึ้นท่าก็ได้รับการต้อนรับด้วยข้าวตังจากข้าวซ้อมมือหน้าหมูหยองและหน้าธัญญพืช น้องนีรหยิบข้าวตังที่ทอดไว้ ทาน้ำเชื่อมเองโรยหน้าด้วยหมูหยองแล้วป้อนน้องภาม(น้องชายวัยขวบสี่เดือน) ..อ้ำ.. ยืนหม่ำอยู่นานไม่ไปไหน พอเริ่มอิ่มก็เหลือบไปเห็นโดมสีขาวใส ถามมาได้ความว่าเป็นโดมพลังงานแสงอาทิตย์ประดิษฐ์โดยอาจารย์ศิลปากรใช้ในการตากแห้งข้าวตัง ผลไม้ให้แห้งเร็วขึ้น และสะอาดถูกสุขอนามัย น้องนีรยังไม่เข้าใจเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ ไว้คุณแม่จะไปหาหนังสือมาอ่านให้ฟังนะคะ เดินไปท่าน้ำมีกระชังเลี้ยงกบคราวนี้เด็กๆได้เห็นกบตัวเป็นๆสักที เคยเห็นแต่ในหนังสือ ที่บ้านก็มีแต่คางคกและอึ่งอ่าง น้องนีรสังเกตเห็นกบขาหลังยาวกว่าขาหน้า ในลำน้ำข้างๆกระชังกบมีปลาตะเพียนหางแดงอยู่เองตามธรรมชาติว่ายมาอวดหางแดงสวยงามเต็มไปหมด
เจ้ากบในกระชังหันก้นให้แดดกันหมดเลย ลงเรือแล่นกลับมายังท่าที่วัดสุวรรณารามลมพัดเย็นสบายเห็นยอริมคลองที่ชาวบ้านเค้าไว้ใช้จับปลานี่เองที่เค้าเรียกว่ายกยอ น้องนีรและน้องภามขึ้นรถสบายอารมณ์นอนหลับปุ๋ยทั้งคู่จนถึงบ้านของเรา
กิจกรรมระหว่างเที่ยว - ฝึกเด็กเรื่องการรับรสชาติ ชิมรสผลไม้สด ผลไม้ดอง ขนมไทย - สังเกตสิ่งมีชีวิตในนาบัวระหว่างนั่งพายเรือ - ติดสมุดบันทึกเล็กๆ พร้อมสี ให้เด็กๆนั่งวาดรูปเล่นที่ศาลาท่าน้ำที่นาบัว - รู้จักโดมอบพลังแสงอาทิตย์ที่ใช้ตากข้าวตัง ท่าผลิตผลแปรรูปกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร
เที่ยวแล้วอ่าน เมื่อเด็กๆได้เห็นปลาและกบแล้วเกิดความสนใจกลับมาขยายความสนใจต่อด้วยการหาหนังสืออ่านให้ฟัง - ธรรมชาติหรรษา “กบ” เรื่องน้านกฮูก ภาพ พรเนตร อร่ามมงคลวิชัย สำนักพิมพ์ แฮปปี้คิดส์ ราคา 95 บาท เป็นหนังสือภาพเชิงสารคดี วงจรชีวิตกบ สำหรับเด็กใช้ได้กับเด็กถึงวัยประถม - คนเก่งระบายสี ปลาน้ำจืดน่ารู้ สำนักพิมพ์บ้านแปลน ราคา 35 บาทสมุดภาพระบายสีพร้อมบอกชื่อ ภาษาไทยและอังกฤษ รวมทั้งลักษณะเด่นของปลาแต่ละชนิด -ปลาสายรุ้ง มาร์คัส ฟิสเตอร์ ป่านแก้ว แปล สำนักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก ราคา 345 บาทหนังสือภาพสำหรับเด็กถึงวัยประถมต้น แก่นเรื่องสอนให้รู้จักแบ่งปัน ราคาแพงเพราะเป็นหนังสือที่มีเทคนิคการพิมพ์พิเศษเพื่อให้เกล็ดปลาสายรุ้งสวยงามโดดเด่น-ชุดโลกพิศวง “ปลา” เรื่องโดย แมรี ลิง ถ่ายภาพโดย เจอร์รี ยัง บ.นิวเจนเนอเรชั่นพับลิชชิ่ง จำกัด (เป็นสาราณุกรม) เที่ยวแล้วเล่น - เรื่องเล่าด้วยภาพ ปลาตะเพียนที่นาบัว
เราพ่อแม่พี่นีรน้องภาม ไปเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์อยู่ใกล้ๆ นีรชอบปลาตะเพียนกับกบในกระชังมาก แม่เอารูปถ่ายที่ไปเที่ยวมาให้นีรดูแล้วถามว่านีร อยากทำอะไรดี นีรตอบว่าอยากทำปลาตะเพียน และกบ แม่บอกว่าวันนี้ทำปลาตะเพียนก่อนแล้วกันพรุ่งนี้ค่อยทำกบ แม่หยิบเกร็ดปลา(เก็บเอามาจากปลาตะเพียนที่อาม่าถอดเกร็ดทิ้งล้างน้ำให้หายกลิ่นคาว) เอามาแช่น้ำ นีรเลือกสีย้อมผ้าน้ำเงินและแดง เราจึงช่วยกันย้อมสีเกล็ดปลา 2 สี เสร็จแล้ว แม่ก็ร่างโครงรูปปลาตะเพียนจากหนังสือแล้วน้องนีรก็วาดตามแต่เส้นก็ไม่ได้ตรงกับที่แม่ร่างให้ จากนั้นนีรก็ทากาวตามเส้นตัวปลาแล้วเอาเชือกสีขาวที่เตรียมไว้ให้ช่วยกันเดินรอบเส้นแล้วก็ให้น้องนีรวาดตาและเหงือกปลาเอง พอวาดเสร็จก็เริ่มขบวนการติดเกร็ดปลา โดยทากาวลาเท็กซ์ในตัวปลาแล้วเอาเกล็ดปลาที่ย้อมเปียกน้ำสะเด็ดน้ำให้แห้งแล้วติดลงไปทีละแถวพอติดมาถึงโคนหางนีรก็หยิบเกล็ดปลาสีแดงมาติดเป็นหาง ส่วนครีบและตาแม่ใช้เทคนิคเททรายสีโดยทากาวแล้วเททรายสีลงไปนีรเป่าให้ทรายกระจาย เสร็จจากทำปลาตะเพียนตัวใหญ่แล้ว แม่ก็ตั้งคำถามน้องนีรว่าแล้วปลาเค้าอยู่ที่ไหนล่ะคะ นีรบอกว่าก็อยู่ในนาบัวไง ว่าแล้วก็วาดวงกลมด้านหน้าหัวปลาเป็นวงใหญ่แล้วมีวงเล็กอยู่ข้างในแล้วก็ลากเส้นลงมาเป็นก้าน นีรยังสนุกกับการเป่าทรายแม่เลยถามนีรว่าจะใช้ทรายทำเป็นใบบัวดีไหมน้องนีรชอบใจใหญ่แล้วเลือกสีเขียวมาทำใบบัว ดูภาพแล้วยังโล่งๆอยู่เลยถามนีรต่อว่าแล้วปลาอยู่ตัวเดียวเหรอลูก นีรบอกว่ามีปลาตัวเล็กๆอีกด้วย แม่เลยร่างปลาตัวเล็กที่ไม่ใส่รายละเอียดอีกสามตัวด้านใต้ตัวใหญ่แล้วนีรก็วาดตามเสร็จแล้วเราก็ใช้ด้ายสีขาวเอาไปย้อมเป็นสีแดงแล้วเอามาเดินเป็นขอบรูปปลาตัวเล็ก จากนั้นนีรก็เลือกทรายสีเขียวมาโรยตัวปลาเล็กทำมาเกือบสองชั่วโมงแล้วนีรบอกว่าภาพเสร็จแล้วค่ะ พอมาดูวันรุ่งขึ้นดูภาพแล้วกระดาษมันจะกระดำกระด่างเพราะรอยกาวที่เลอะแม่เลยคิดวิธีแก้ปัญหาด้วยการชวนนีรมาทำเป็นแสงสะท้อนน้ำด้วยการทากาวแท่งเป็นแถบเหมือนริ้วน้ำแล้วนีรก็เอาทรายขาวโรยตามรอยแล้วก็เป่าให้กระจาย ภาพก็ดูสะอาดและสมบูรณ์ขึ้น แถมกระดาษย่นเป็นคลื่นๆเพราะโดนน้ำเกร็ดปลาเลยทำให้ดูเป็นริ้วน้ำโดยบังเอิญ - เรื่องเล่าด้วยภาพ กบในกระชัง ภาพเจ้ากบสองตัว-ท่องเทียวล่องคลองมหาสวัสดิ์ไปกระชังเลี้ยงกบเจ้ากบสองตัว ออกท่องเที่ยวไปในโลกใบใหญ่ได้พบเพื่อนใหม่เป็นพี่นีร และน้องภาม ไปเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์แวะท่าผลิตผลแปรรูปจากแม่บ้านเกษตรมีการเลี้ยงกบในกระชังด้วย คราวนี้นีรและภามได้เห็นเจ้ากบตัวเป็นๆของจริงซะที ที่ผ่านมาได้เห็นแต่คางคกแล้วก็อึ่งอ่าง นีรอยากวาดกบแม่ร่างตัวกบหนึ่งตัวแล้วนีรวาดตามแล้วก็ระบายด้วยสีชอล์ก กบเสร็จหนึ่งตัวแล้วนีรให้แม่ช่วยร่างกบตัวเล็กอีกหนึ่งตัวบอกว่าเป็นกบน้อง ที่วาดเสร็จไปแล้วเป็นกบพี่ วาดกบเสร็จก็ขยำกระดาษสีดำปั้นเป็นลูกกลมๆติดเป็นลูกตากบ แล้วทากาวเททรายเป็นพื้นในกระชังให้กบยืนอุปกรณ์1. กระดาษโปสเตอร์สี2. สีชอล์กวาดตัวกบ3. กาวลาเท็กซ์และทรายสีทำพื้นกระชัง4. กระดาษระบายสีดำปั้นเป็นลูกกลมๆติดเป็นตากบให้นูนออกมา ข้อมูลท่องเที่ยว ท่องเที่ยวสนุกประทับใจ **** เดินทางมาถึงที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวคลองมหาสวัสดิ์ความรู้สึกครั้งแรกอาจจะไม่แน่ใจว่าเป็นที่น่าเที่ยวรึเปล่าบรรยากาศร้านค้า ร้านอาหาร และศูนย์บริการ เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้ดูงามตาออกจะดูเงียบเหงาแต่พอลงเรือไปตามจุดต่างๆได้สัมผัสการต้อนรับ ธรรมชาติ ชมการเกษตรแล้วจะประทับใจ การเดินทาง ***** ไปตามเส้นทางปิ่นเกล้านครชัยศรี ถึงแยกพุทธมณฑลสาย 4 (หรือขับบนถนนลอยฟ้าพระบรมราชินีลงสุดทางแล้วออกวิ่งทางขนาน) เลี้ยวขวาไปตามป้ายศาลายา ขับผ่านหน้ามหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา จากนั้นเลี้ยวซ้าย(จะเป็นทางบังคับ) ไปตามถนนศาลายา-นครชัยศรี ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 5 กม. จะผ่านที่ว่าการอำเภอพุทธมณฑล ถึงทางแยกเลี้ยวขวาเข้าวัดสุวรรณาราม ตรงเข้าไปตามทางจะเจอแยกบังคับเลี้ยวซ้ายหรือขาวให้เลี้ยวขวาขับตรงไปสักระยะจะเห็นวัดสุวรรณาราม จอดรถที่ลานวัดริมคลอง อาหารเครื่องดื่ม ** มีอาหารเป็นก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่งขายที่ท่าน้ำลงเรือเป็นแบบชาวบ้านๆ (แนะนำทานอาหารร้านแถวๆมหาวิทยาลัยมหิดลจะสะดวกกว่า)แต่ละจุดที่ท่องเที่ยวมีบริการน้ำดื่มสะอาด (รวมอยู่ในค่าบริการท่องเที่ยวแล้ว) ห้องน้ำ *** แต่ละจุดมีห้องน้ำสะอาดบริการ (แบบคอห่าน) ข้อมูล **** ติดต่อขอข้อมูลและเช่าเรือที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตร ค่าบริการลำละ 300 บาท (นั่งได้ 6 คน มีเสื้อชูชีพ และร่มเล็กๆเตรียมไว้ให้) และมีค่าบริการน้ำดื่มและขนมผลไม้ตามจุดท่องเที่ยวที่แวะชมผู้ใหญ่คนละ 70 บาท เด็ก 5-12 ขวบคนละ 40 บาท ส่วนการนั่งรถอีแต๋นที่สวนผลไม้ต่อรอบ ราคา 50 บาท (นั่งได้ประมาณ 6 คน รถอีแต๋นจะไม่วิ่งวันที่ฝนตก) โทรสอบถามข้อมูลศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตรคลองมหาสวัสดิ์ โทร 0-3429-7152, 0-1495-9091 เวลาเหมาะสม สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี แต่ต้องเลือกไปวันที่ฝนไม่ตก ใช้เวลาล่องคลองประมาณ 3-4 ชั่วโมง แนะนำว่าควรมาแต่เช้า 8 โมง หรือไม่ก็เลือกมาตอนบ่ายประมาณ 2-3 โมง (ตอนเที่ยงแดดจะร้อนมาก) ควรเตรียมหมวกให้เด็กๆด้วย Add as favourites (726) | Quote this article on your site
<< หน้าแรก < ย้อนกลับ 1 2 ถัดไป > สุดท้าย >> |