เขียนโดย แม่จา
|
อังคาร, 15 เมษายน 2008 |
ทักทายเมษา
สวัสดีค่ะสมาชิกครอบครัวตัวต่อ
เดือนเมษายน มักเป็นเดือนที่หลายๆครอบครัวรอคอย เพราะมีวันหยุด มีวันครอบครัว ได้เล่นสงกรานต์สาดน้ำเย็นกายสบายใจ หลายคนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดก็ได้โอกาสกลับบ้านไปเจอครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันมานาน เดือนนี้แม่จา ได้เขียนและเลือกบทความเพื่อครอบครัวได้ทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ร่วมกันตามคำขอและตามใจแม่จา ก๊วนชวนเที่ยวเดือนนี้ชวนเขียนชวนไปเที่ยวจันทบุรี (คุณปู่ คุณย่า นีรและภามเป็นคนจันทบุรีโดยกำเนิดและยังคงเป็นพลเมืองจันทบุรี) หลายคนอาจเคยไปเที่ยวจันทบุรี แต่หลายคนอาจไม่เคยคิดไปและมองว่าเป็นเมืองผ่านไปเที่ยว เกาะช้าง จ.ตราด พ่อไก่และแม่จาได้ชวนหลายครอบครัวไปเที่ยวจันทบุรี ก่อนไปทุกคนจะถามเหมือนกันว่าจัน มีอะไรน่าเที่ยว เหรอ!!! และก่อนกลับทุกคนก็จะพูดเหมือนกันว่าจัน เป็นเมืองน่าอยู่จริงๆ ขอกลับมาเที่ยวอีกนะ (ขออยู่เลยได้ป่าว)
สำหรับก๊วนชวนอ่านเดือนนี้มีแนะนำหนังสือทั้งสำหรับผู้ใหญ่ พ่อแม่ ลูกเล็ก และลูกวัยรุ่น (มีหลานอายุ 14 ปี มาสนทนาในกระดานอยากได้รายชื่อหนังสือที่น่าอ่าน แม่จาเองก็อ่านวรรณกรรมเยาวชนน้อย เลยไปถามน้าแต้วมาบอกต่ออีกที)
สำหรับพ่อแม่เชื่อว่าทุกคน (100%) ต้องเคยมีอาการโกรธ หรือ โมโหลูกแน่ มีหนังสือธรรมะอ่านง่ายเล่มเล็กๆ ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ชื่อเหตุสมควรโกรธ...ไม่มีในโลก แม่น้องทะเลเพื่อนของนีรใจดีเอามาให้ยืมอ่านเมื่อนานามาแล้ว พออ่านจบก็โทรไปสั่งซื้อทางไปรษณีย์เอามาแจกคนที่เรารัก และเดือนนี้แม่จาก็มีหนังสือนี้ จำนวน 10 เล่ม ที่จะมอบให้สมาชิกผู้ที่สนในจะขจัดอารมณ์โกรธ วิธีง่ายๆก็ส่ง อีเมลล์ พร้อมเขียนชื่อ ที่อยู่ ในการจัดส่ง และ บอกรายละเอียดว่าเป็น ครู สอนชั้นไหน หรือ พ่อ แม่ มีลูกอายุเท่าไหร่ แม่จาจะจัดส่งให้กับผู้ที่ส่งอีเมลล์มาที่
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปเพื่ออ่านมันได้
ลำดับที่ 1-10 คนแรก
ก๊วนชวนเล่น ตามคำขอของคุณครูที่เขียนเข้ามาที่กระดานสนทนาขอให้บอกวิธีทำของเล่นห่วงและลูกบอลจากกระดาษหนังสือพิมพ์ ได้เลยค่ะจัดให้ และยังแถมด้วยการทำของเล่นที่ตกปลาต่อยอดการอ่านหนังสือปลาสายรุ้ง (ของเล่นนี้เป็นคำขอจากภามลูกชายแม่จาเอง)
แม่จาขอชวนครอบครัวที่มีชุดนักเรียนลูกไม่ใช้แล้วส่งไปบริจาคที่กองทุนเสื้อผ้ามูลนิธิกระจกเงาดูรายละเอียดได้ที่ http://www.bannok.com/2hands/autopage/show_page.php?h=28&s_id=12&d_id=12 เสื้อผ้าที่ส่งไปจะนำไปให้กับเด็กชนบทกว่า 1,000 คน ในจังหวัดเชียงราย ได้มีโอกาสไปโรงเรียนในเปิดเทอมที่กำลังจะมาถึง
สำหรับครอบครัวที่อยากพบแม่จา น้าแต้ว และครูชีวัน เดือนเมษายนนี้ เจอเราได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
เสาร์ 26 เม.ย. ที่ TK Park Central World เวลา 13:00 ? 14:30 น. ห้องเด็กเล็ก ผู้จัดงานคือนิตยสาร Mother & Care ได้เชิญเราไปร่วมจัดกิจกรรม นิ่ง นะ นิ่ง ก็เป็นสุขได้ อาทิตย์ 27 เม.ย. ครอบครัวตัวต่อ นัดปิคนิค นำอาหารใส่ปิ่นโตมาล้อมวงคุยไปทานไป อ่านหนังสือ ฟังนิทาน ทำงานศิลปะ และ ร้องเพลงเล่นกีตาร์โดยวงพ่อ พ่อ พ่อ แบบง่ายๆ เป็นกันเอง ที่พุทธมณฑล (คลิกดูจุดนัดพบที่นี่ )
ทักทายเดือนนื้เขียนซะยืดยาว เกือบจบแล้วแต่ยังไม่จบ แม่จาได้คัดลอกบทความของท่าน ว.วชิรเมธี ที่อยู่ในเว็บไซต์ ธรรมะโดน http://www.kosanathai.com/special/specialfeatures.asp?TID=38 (เว็บนี้เขียนโดยน้องที่เคยร่วมทำงานกับพ่อไก่)
บทความนี้น่าจะเป็นการกระตุ้นต่อมของครอบครัวที่พ่อแม่ยังคงวุ่นอยู่แต่กับการหาเงินหาทองมาให้ลูกแต่ลืมไปว่าของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวอีกอย่างก็คือเวลาและชีวิตของพ่อแม่ที่มีให้กันนั่นแหละ
ท้ายนี้แม่จาขอให้ทุกๆคนมีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตที่เป็นสุขได้ง่ายๆ (อ่านบทความต่อท้ายอีกนิดนะคะ)
แม่จา www.tuator.net
อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความดีๆ เสี้ยวหนึ่งจาก ท่าน ว.วชิรเมธี
ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร เรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู ว่าสะอาดจริงมั้ย กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลยต้องให้ดีที่สุด เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆเขียนไว้สามแผน แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง แกมีทุกอย่าง
วันหนึ่งแกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย ลุกเมียไปขอพบบอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป ภรรยาพาเข้าโรงบาล ตรวจพบมะเร็ง พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้ แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน บันทึกชีวิตแก ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก
ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า พ่อผมเคยบอกว่า เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ
ปริญญาใบที่หนึ่ง "ปริญญาวิชาชีพ" เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ
แต่"ปริญญาวิชาชีวิต" ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้ แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตกเพราะอะไร เพราะทำงานจนป่วยตาย
ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้ สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย
นี่คือปริญญาวิชาชีวิต ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเองที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ แต่ละวันควรจะมีให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่าพยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ เพื่อที่ว่าอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิตหนึ่งปริญญาวิชาชีพ เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่งเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่ แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือวิชาธรรมะ สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี เพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา
เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่่าที่สุด บางคนก็ตอบเงิน บางคนก็ตอบเพชร บางคนก็ตอบทอง บางคนก็ตอบอำนาจ บางคนก็ตอบราชบัลลังก์ พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่ สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
|