มีพ่อแม่บางคนไม่เคยห่างลูกเลยตั้งแต่ลูกเกิดมาลืมตาดูโลก หนึ่งในเหตุผลของพ่อแม่หลายๆคนคือรู้สึกผิดถ้าหนีลูกไปเที่ยว แม่จาก็เคยคิดเหมือนกัน แต่คิดได้ไม่นาน เพราะนีร (ลูกคนแรก)เกิดได้ไม่ถึงขวบพ่อแม่ก็หนีลูกไปเที่ยวไกลๆแล้ว (พ่อไปทำงาน แม่มีตั๋วฟรีจะหมดอายุ) การอยู่เลี้ยงดูลูกตลอดเวลาบางทีก็เครียดเหมือนกัน เพราะมันอาจจะอบอุ่นเกินไปจนความร้อนขึ้น ฝากลูกไว้กับคนที่ไว้ใจได้แล้วทำตัวไร้ห่วงบ้าง มีเวลาหยุดทบทวนมองดูตัวเอง พักผ่อนชำระจิตใจให้ผ่องใสแล้วกลับไปเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกๆ ก็พอจะอ้างเป็นเหตุผลที่ควรค่าแก่การแบ่งเวลา...หนีลูกเที่ยว ไปบาหลี.....แม่จาไปเที่ยวต่างประเทศก็เพราะอยากจะเห็นวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่แตกต่าง ฟังใครต่อใครเล่าเรื่องบาหลีที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างมั่นคง พอมาสัมผัสด้วยตัวเองก็จริงอย่างที่เค้าล่ำลือ ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวดัชท์เกือบศตวรรษ แต่อารยะธรรมตะวันตกเข้ามาแทรกซึมบาหลีได้น้อยมาก (แม่จาเดินไปไหนก็ไม่เห็นมีชาวบ้านใช้มือถือกัน...เหมือนประเทศไทย) วิถีชีวิตทั่วไปยังคงอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ คงความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ มีพิธีกรรมเพื่อรักษาสมดุลของพลังสองขั้วความดีและความชั่ว เรื่องราวของบาหลีมีเสน่ห์ชวนให้ค้นหาเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเดินทาง ทำความรู้จัก...บาหลี บาหลีเป็นเกาะขนาดเล็ก ระยะทางจากเหนือจดใต้ประมาณ 80 กม. ตะวันตกจดตะวันออกประมาณ 140 กม. บาหลีเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของหมู่เกาะในอินโดนีเซีย (อินโดเป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีเกาะน้อยใหญ่ 13,677 เกาะเรียงรายจากมหาสมุทรแปซิฟิกจนไปถึงมหาสมุทรอินเดีย) ถึงแม้จะเป็นเกาะเล็ก แต่บาหลีมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายอย่างเหลือเชื่อ ทางตอนใต้ของเกาะมีพืชพรรณเขตร้อนเขียวชอุ่ม ทางตอนกลางเป็นพื้นที่สูงในสายหมอก ส่วนพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้มีนาขั้นบันไดที่เรียกว่าซะวาห์ (Sawah) ส่วนทางตอนใต้สุดคือแหลมบุกิต บะดุง (Bukit Badung) แหลมนี้เป็นพื้นที่แห้งแล้งมาก ส่วนพื้นที่ชายฝั่งทางเหนือเป็นผืนดินที่เกิดจากลาวาสีดำ ชายฝั่งตะวันตกเป็นป่าดิบรกชัฏ และชายฝั่งตะวันออกเป็นพื้นที่กันดารแห้งแล้ง บาหลีมีประชากรราวสามล้านกว่าคน นับเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่สูงแห่งหนึ่งของโลก วัฒนธรรมบาหลีได้รับอิทธิพลมาจาก จีน อินเดีย และ อาหรับ อินโดนีเซียเป็นเมืองที่มีประชากรชาวอิสลามมากที่สุดในโลก แต่บาหลีเป็นเกาะแห่งเดียวที่ประชากรกว่า 90% นับถือศาสนาฮินดู บาหลีเคยอยู่ในความปกครองของต่างชาติ ในปีค.ศ. 1840 บางส่วนของบาหลีอยู่ในความปกครองของชาวดัชท์ และตั้งแต่ปี 1911 บาหลีก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวดัทช์ จนกระทั่งชาวดัชท์แพ้สงครามโลก อินโดนีเซียจึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ 1942 ? 1945 อินโดนีเซียประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ. 1949 ถึงแม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของตะวันตกเกือบศตวรรษ แต่วัฒนธรรมตะวันตกแทรกซึมเข้ามาได้น้อยมากบาหลียังคงสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น การรวมกลุ่มและแบ่งปันในชุมชน ความเชื่อในศาสนาฮินดูได้อย่างมั่นคง ชาวบาหลีเป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ จึงมีความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของธรรมชาติ ยอดภูเขาสูงใหญ่คือที่พำนักของเทพเจ้าแห่งความเจริญรุ่งเรือง ท้องทะเลคือที่สิงสถิตของปิศาจร้ายซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์ พิธีกรรมของบาหลีคือการรักษาไว้ซึ่งสมดุล ของพลังธรรมชาติสองขั้ว สูงต่ำ ความแข็งแรงความอ่อนแอ ความสุขสบายความป่วยไข้ หากมองอย่างกว้างๆก็คือ ความดีความชั่ว ชีวิตและความตาย สถาปัตยกรรมของบาหลีได้รับอิทธิพลมาจากพุทธศาสนาและฮินดู วัสดุท้องถิ่นที่ใช้กันคือ อิฐ แฝก และไม้ไผ่บาหลีมีวัดมากเกือบถึงสองหมื่นวัด ในทุกชุมชนมีวัดอย่างน้อยสามวัด วัดปุราปุเซห์ (pura puseh) หรือวัดหลัก ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านหันหน้าไปทางภูเขา วัดปุราเดชา (pura desa) หรือวัดประจำหมู่บ้าน ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน และวัดปุราดะเลม (pura dalem)หรือวัดยมโลก หันหน้าไปทางทะเล ตั้งอยู่ใกล้กับสุสาน เป็นทีบูชาพระศิวะ เทพผู้สร้างและทำลาย และนางดุรกา มเหสี เทวีแห่งความตาย อากาศของบาหลีถูกกำหนดโดยลมมรสุม ปีหนึ่งจะมีสองฤดูคือ ฤดูฝนช่วงพฤศจิกายน ? เมษายน และ ฤดูแล้งช่วงเดือน พฤษภาคม ? ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินทางมากที่สุด (ช่วงเวลาที่อากาศเย็นสบายคือเดือนมิถุนายน ? สิงหาคม ) อุณหภูมิในช่วงวันอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซียลเซียส แต่บนภูเขาอุณหภูมิจะต่ำประมาณ 10 องศา ไปเที่ยวไหน...ในบาหลี การเลือกที่เที่ยวก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ บาหลีมีความหลากหลายของการท่องเที่ยวให้เลือกทั้งท่องเที่ยววัฒนธรรม ธรรมชาติ ขึ้นภูเขา ลงทะเล ไปทุ่งนา หนังสือท่องเที่ยวบาหลีมีมากมายให้เลือกอ่าน ที่คุณกำลังจะอ่านต่อไปนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งมุมมองของคนชอบเที่ยวอย่างแม่จา เที่ยวใช้เวลาประมาณ 3-4 วันก็เหลือเฝือ 1. Uluwatu Temple อ่านข้อมูลคลิก http://www.indo.com/geo/uluwatu.html 2. Besakih Mother Temple (Kdwasan Suci Pura Agung Besakih) คลิกดูรูปและอ่านข้อมูลต่อ http://www.edwebproject.org/bali/gallery/besakih.html 3. Kintamani Volcano (Mountain Batur & Volcanic lake) 4. Temen Village (Bali coffee, fruits, and spices garden)
5. Gaung Kawi Hindu (Balinese) Sanctuary (Holy water spring temple) ถ่ายภาพสระน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เป็น Video Clip เลยไม่มีภาพนิ่งให้ดู ที่สระ..น้ำใสสวยมาก 6. Tegallalang (nice view of rice terrace) 7. Ubud ร้านอาหาร และ ที่พัก (Bebek Bengi Dirty Duck/ Agung Raka Bangalow) 8. Pura Taman Ayun (Royal Family Temple)
9. Twin lake Buyan + Tamblingan in Gobleg Hill
10. Ulan Danu Temple (Beratan lake)
11. Jatiluwih (village of the biggest rice terrace in Bali) 12. Tanah Lot Temple (Holy temple in the sea and the best place to see sun set in Bali) ดูภาพและข้อมูลคลิก http://www.tropicalisland.de/bali_kuta.html การเดินทางในบาหลี มีความจำเป็นที่จะต้องเช่ารถเพราะที่เที่ยวห่างไกลกันมาก รถเช่าที่แม่จาใช้บริการดีทีเดียวสามารถอธิบายสิ่งต่างๆให้เราฟังเป็นภาษาอังกฤษได้ รถก็ใหม่ และที่สำคัญราคาดีค่ะ ดูเบอร์โทรท้ายบทความ ชอบอะไร...ที่บาหลี
บาหลีมีอะไรน่าสนใจมากมาย นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม สถาปัตยกรรมแปลกตา อาหารอร่อยถูกปาก ที่แม่จาชอบมากเป็นพิเศษคือการใช้มะพร้าวและไผ่ของชาวบาหลี แล้วก็มีอีกอย่าง...หลังคาบ้าน ต้นไม้ที่ผูกพันกับชีวิตประจำวันของชาวบาหลีคือ มะพร้าว และ ต้นไผ่ ชาวบาหลีใช้ส่วนต่างๆของมะพร้าวได้ดีพอๆกับคนไทยนำส่วนต่างๆของกล้วยมาใช้ ใบอ่อนของมะพร้าวถูกนำมาใช้ในการตกแต่งสถานที่ในงานพิธีกรรมทางศาสนา ตกแต่งวัด ตกแต่งบ้านเรือน ตกแต่งโรงแรม ร้านอาหาร ใบมะพร้าวแก่นำมาใช้ถักเป็นหมวกใส่กันแดด ลูกมะพร้าวนอกจากนำน้ำมาดื่ม นำเนื้อกิน มาคั้นกะทิแล้ว ลูกแห้งๆนำมาผ่าครึ่งทำเป็นภาชนะหล่อเทียนใส่ กาบมะพร้าวนำมาทำเป็นที่ใส่ของใส่ผลไม้ หนวดมะพร้าวนำมาทำเป็นที่รองจาน ที่ใส่นิตยสาร ชาวบาหลีใช้ไผ่เป็นวัสดุทำเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ทำเสื่อ ทำรั้วบ้าน ทำเครื่องดนตรี ก็ไม่ค่อยต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่นัก แต่ที่น่าสนใจก็คือเอาลำต้นไผ่ที่ปลายโค้งงอลงมาเป็นเสาประดับด้วยใบมะพร้าว เพื่อตกแต่งงานพิธีทางศาสนา ตกแต่งทางเดิน หน้าบ้าน บางโรงแรมใช้ผ้าสวมต้นไผ่เป็นธงเหมือนใบไม้ปลิวไสวตกแต่ง ทางเข้าให้สวยงามสะดุดตา และก็เอามาตกแต่งเป็นฐานสำหรับจอดเรือด้วย การมองดูหลังคาบ้านบาหลีระหว่างการเดินทางเป็นอีกความเพลิดเพลินที่รู้สึกปลื้มใจแทนคนบาหลี หลังคาบ้านไม่ว่าจะเป็นบ้านเล็ก บ้านใหญ่ ใช้กระเบื้องอิฐสีแดง หรือหลังคาแฝก ก็มักจะประดับสันหลังคาด้านนอกด้วยลวดลายต่างๆ แม้แต่ตึกแถวเป็นปูนก็ยังคงตกแต่งหลังคาให้คงความงามแบบบาหลี นับเป็นการประยุกต์ที่สวยงามและลงตัวดูดี เดินทางมาหลายประเทศไม่เคยเห็นประเทศไหนที่มีหลังคาบ้านเรือนคนน่ามองเท่าที่นี่ (อ้อ! ที่หลวงพระบางก็มีการประดับลวดลายบนสันหลังคา คล้ายๆบาหลีแต่ที่นั่นเป็นหลังคาโบสถ์วัดไม่ใช่หลังคาบ้านเรือนคนทั่วไปแบบที่นี่)
ลองทายสิคะว่านี่คืออะไร เป็นเส้นๆสีดำๆ และเอาไว้ใช้ทำอะไร
เฉลย เป็นใยของต้นปาล์มน้ำตาลต้นนี้ เค้าเอาไว้มุงหลังคาวัด ราคาแพงทีเดียว หลังคามุงแบบนี้อยู่ได้นานถึง 20-30 ปี ข้อมูลแนะนำ ที่พัก Agung Raka Bangalows www.agungraka.com อยู่ที่เมืองอุบุด เป็นเมืองศิลปะและหัตถกรรม ร้านอาหาร Bebek Bengil (Dirty Duck) www.agungraka.com เจ้าของเดียวกับที่พักแนะนำ อยู่ใกล้ๆกัน ย่านซื้อของฝากหัตถกรรม (ราคาแบบจตุจักร) Ubud Art Market รถเช่าพร้อมคนขับ I Ma-De Rena Mobile Phone.081 338 688444 (ราคารวมคนขับและน้ำมันวันละ $USD 50) ข้อมูลเกี่ยวกับบาหลี http://www.indo.com/destinations/bali.html ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวไปบาหลีก็ ประมาณเหมือนไปเที่ยวเกาะภูเก็ต
Add as favourites (715) | Quote this article on your site
|